สาวลาสเวกัสวัย 31 เผยเคล็ดลับหน้าเนียนนุ่มใส แค่ใช้ “ประจำเดือน” พอกหน้า… เดี๋ยวนะ??


1023
1023 points

มันมีคำกล่าวอ้างมาตั้งแต่ในอดีต ว่าคนบ้างกลุ่มนั้นสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อความงาม ไม่แน่นะว่าคำๆ นี้อาจจะใช้อธิบายการกระทำของหญิงสาวคนหนึ่งในสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดีเลย

นั่นเพราะเธอคนนี้ในปัจจุบันกำลังกลายเป็นที่พูดคุยในโลกออนไลน์ เนื่องจากเธอมีเคล็ดลับความงามอันไม่เหมือนใคร ด้วยการเอา “ประจำเดือน” มาพอกหน้านั่นเอง!!

นี่คือคุณ “Brittani LaBouff” หญิงสาววัย 31 ปีหน้าใส จากลาสเวกัส ผู้ซึ่งอ้างว่าใบหน้าอันเนียนนุ่มแลดูอ่อนกว่าวัยของเธอนั้น เป็นผลมาจาก “มาส์กเลือดพระจันทร์” (Moon blood masks)

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าซึ่งเธอทำขึ้นเอง ซึ่งมีเลือดจากประจำเดือนของตนเองเป็นส่วนผสมหลัก

“สังคมของเราได้สอนอะไรเราบ้างเกี่ยวกับรอบเดือน?
พวกเขาสอนว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ เจ็บปวด วุ่นวาย
มีกลิ่นเหม็นน่า และชวนลำบากใจ

แต่สำหรับฉันนี่คือกิจกรรมเพื่อเรียกคืนพลังของตัวเอง เพื่อสวมใส่ศักยภาพในการสร้างสรรค์ และให้เกียรติกับพลังสตรีอันศักดิ์สิทธิ์ในตัวฉันเอง”

Brittani LaBouff

คุณ Brittani  เล่าว่าตนเองเริ่มหันมาใช้ประจำเดือนมาส์กใบหน้าตั้งแต่เมื่อช่วงปีก่อน ในตอนที่เธอหันมาให้ความสนใจในการบำรุงผิว

โดยเธอจะเก็บประจำเดือนของตัวเองด้วยการนำถ้วยประจำเดือนมารองไว้นอกปากมดลูก เพราะเธอเชื่อว่ามันจะช่วยลดความเสี่ยงที่แบคทีเรียที่เป็นอันตรายจะบุกรุกเข้าไปในเลือดที่เก็บมาได้

จากนั้นเธอจะใช้นิ้วมือหรือไม่ก็แปรงชโลมเลือดที่ได้มาบนใบหน้าของตัวเอง ก่อนที่จะปล่อยไว้ 15 นาที และล้างมันออก

เธอบอกว่าการทำแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ผิวหน้าของเธอรู้สึกเนียนเรียบเท่านั้น แต่มันยังทำให้เธอรู้สึก “เชื่อมโยงทางพลังงานอย่างลึกซึ้ง” กับรอบประจำเดือนของเธออีกด้วย

“ฉันไม่ใช่แพทย์ผิวหนัง แต่ดูเหมือนว่านี่อาจไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับผู้ที่มีสิวมากหรือมีแผลเปิด

ดังนั้นคุณคงต้องใช้วิจารณญาณของคุณเองพิจารณาว่าวิธีนี้เหมาะกับคุณหรือไม่นะ”

Brittani LaBouff

นี่นับว่าคงจะเป็นเรื่องราวที่ทำให้หลายๆ คนเห็นแล้วรู้สึกแปลกๆ กันไม่น้อย และคุณ Brittani LaBouff ก็ยอมรับว่าวิธีการของเธอนั้น ได้รบผลตอบรับทั้งในด้านที่ดีและไม่ดี

ถึงอย่างนั้นก็ตามเธอก็ไม่ใช่คนคนแรกที่เอาประจำเดือนมาทาใบหน้าแต่อย่างไร เพราะในปี 2019 เราก็เคยมีข่าวหญิงสาวในแคนาดาเอาประจำเดือนมาทาหน้าในรูปแบบคล้ายๆ กันมาแล้ว

ส่วนการกระทำเช่นนี้จะได้ผลจริงๆ หรือไม่นั้น ในปัจจุบันดูเหมือนจะยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มไหนออกมาทำการวิจัยแต่อย่างไร


Like it? Share with your friends!

1023
1023 points

Comments

comments